อาการคนท้องของแต่ละคนอาจแตกต่างกันออกไป ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะคาดเดาว่าตัวเองตั้งครรภ์หลังจากประจำเดือนขาดไป และเริ่มมีอาการคนท้องที่อาจเกิดขึ้นตามมา โดยอาจเริ่มมีอาการคนท้อง เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ คัดตึงเต้านม ท้องอืด และปัสสาวะบ่อยได้ตั้งแต่ 1–2 สัปดาห์หลังจากไข่ได้รับการปฏิสนธิ หรือเริ่มมีอาการหลังจากตั้งครรภ์ในช่วง 2–3 เดือนแรก
อาการคนท้องเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายขณะตั้งครรภ์ ซึ่งคนที่ตั้งครรภ์แต่ละคนจะมีอาการไม่เหมือนกัน บางคนอาจไม่พบอาการใด ๆ แต่หลายคนมีอาการคนท้องที่สังเกตเห็นได้ ซึ่งโดยทั่วไปมักไม่น่ากังวล หากสงสัยว่าตัวเองตั้งครรภ์ควรใช้ที่ตรวจครรภ์ที่หาซื้อได้เอง หรือไปพบแพทย์เพื่อตรวจการตั้งครรภ์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลสุขภาพครรภ์ต่อไป
อาการคนท้องเบื้องต้นที่ควรสังเกต
คนที่สงสัยว่าตัวเองตั้งครรภ์ อาจพบอาการคนท้องต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระยะแรกที่เริ่มตั้งครรภ์ ดังนี้
1. รู้สึกไวต่อกลิ่นต่าง ๆ
คนที่เพิ่งตั้งครรภ์จะมีความไวต่อการรับกลิ่น โดยเฉพาะกลิ่นของอาหาร ซึ่งอาจเกิดจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์ ทำให้รู้สึกคลื่นไส้ อยากอาเจียนได้ง่ายเมื่อได้กลิ่นต่าง ๆ มากระตุ้น
2. คลื่นไส้
คลื่นไส้เป็นอาการคนท้องที่พบได้บ่อย บางครั้งอาจรู้สึกอยากอาเจียนร่วมด้วย แต่บางคนอาจไม่พบอาการนี้ในช่วงแรกจนกระทั่งเข้าสู่การตั้งครรภ์ในเดือนแรกหรือเดือนที่ 2 โดยอาจมีอาการคลื่นไส้ได้ตั้งแต่ช่วง 2–3 สัปดาห์แรก และสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดวัน
3. ท้องอืด
การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในขณะตั้งครรภ์ช่วงแรกอาจส่งผลให้เกิดอาการคนท้องที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น ท้องอืด อาหารไม่ย่อยขึ้นได้คล้ายกับช่วงก่อนประจำเดือนมา ช่วงนี้บางคนอาจรู้สึกว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่แน่นมากขึ้น
4. คัดตึงหน้าอก
ผู้ที่เริ่มตั้งครรภ์อาจมีอาการคัดตึงหน้าอก หน้าอกขยายขึ้นคล้ายกับในช่วงประจำเดือนมา เนื่องจากฮอร์โมนที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงการตั้งครรภ์
5. ปัสสาวะบ่อย
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย ทำให้การไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้น และไหลผ่านไปยังไตมากขึ้นเช่นกัน กระเพาะปัสสาวะจึงรับน้ำมามากตามไปด้วย ผู้ตั้งครรภ์จึงรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าปกติ โดยสาเหตุนี้จะต่างกับการปัสสาวะบ่อยในการตั้งครรภ์ระยะหลังซึ่งเกิดจากขนาดมดลูกที่ใหญ่ขึ้นแล้วไปกดเบียดกระเพาะปัสสาวะ
6. เพลียและเหนื่อยง่าย
สาเหตุที่ทำให้ผู้ที่ตั้งครรภ์หลายคนจะรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หมดเรี่ยวแรง มาจากระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเกี่ยวกับการนอนหลับ เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งอาการคนท้องอื่น ๆ เช่น แพ้ท้อง พักผ่อนน้อย นอนไม่หลับ และปัสสาวะกลางดึกบ่อย คนที่ตั้งครรภ์จึงอ่อนเพลียได้ง่าย
7. อารมณ์แปรปรวนง่าย
ในช่วงการตั้งครรภ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายที่มีผลต่อสารสื่อประสาทในสมองต่อการกระตุ้นจากสิ่งต่าง ๆ จึงทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวนได้ง่าย เช่น อารมณ์ดี เสียใจ หดหู่ กังวล ซึ่งการแสดงออกทางอารมณ์ในแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป บางคนก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ในขณะที่บางคนที่เคยมีประสบการณ์การตั้งครรภ์อาจรับมือกับอาการนี้ได้ดีกว่า
อาการคนท้องในแต่ละไตรมาส
โดยทั่วไป อาการคนท้องในแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันออกไป บางรายอาจมีอาการมากน้อยไม่เท่ากันหรือบางคนแทบไม่มีอาการมากนัก ซึ่งการตั้งครรภ์ในแต่ละไตรมาสของคุณแม่อาจมีอาการเพิ่มเติมจากระยะเริ่มต้น ดังนี้
1. ไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ (เดือนที่ 1–3)
ช่วงนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับของฮอร์โมนในร่างกายอย่างเห็นได้ชัด มดลูกจะเริ่มขยายตัวเพื่อสร้างรกและรองรับทารกที่จะมาฝังตัว ร่างกายจะมีการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมากกว่าปกติ และหลอดเลือดมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เพื่อนำออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงทารก ส่งผลให้ว่าที่คุณแม่มีอาการคนท้อง เช่น
เลือดออกทางช่องคลอด
ผู้หญิงที่เริ่มตั้งครรภ์จะพบอาการประจำเดือนขาดหรือประจำเดือนมาน้อย และบางคนอาจพบอาการเลือดออกเล็กน้อยจากช่องคลอดในช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากการฝังตัวของตัวอ่อนในโพรงมดลูก แต่ปริมาณเลือดจะน้อยกว่าประจำเดือนปกติมาก หรือเรียกกันว่าเลือดล้างหน้าเด็ก
แต่หากมีเลือดออกมากผิดปกติ ตะคริว ปวดหรือเจ็บแปลบบริเวณท้องน้อยควรพบแพทย์ เพราะอาจเสี่ยงต่อการแท้งหรือการท้องนอกมดลูก
ท้องผูก
ท้องผูกเป็นอาการคนท้องที่เกิดจากระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูงขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ ทำให้กล้ามเนื้อลำไส้ที่ช่วยในการเคลื่อนตัวของอาหารไปยังลำไส้เล็กทำงานได้ช้าลง อาหารจึงตกค้างในลำไส้นาน อุจจาระจึงมีลักษณะแห้ง และขับถ่ายได้ยาก
ตกขาวมาก
คนตั้งครรภ์มักจะมีตกขาวมากขึ้นกว่าในช่วงปกติจากฮอร์โมนเพศหญิงที่มีสูงในขณะตั้งครรภ์ จึงควรรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ และเลือกใส่กางเกงชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อป้องกันการเกิดแบคทีเรียบริเวณอวัยวะเพศ
ตกขาวปกติจะมีลักษณะเป็นเมือกใสหรือขาวขุ่น ไม่มีกลิ่น หากตกขาวมีสีเปลี่ยนไป มีกลิ่นเหม็น ควรพบแพทย์
แพ้ท้อง
อาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นอาการคนท้องที่พบบ่อย อาการแพ้ท้องจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน บางคนอาจเป็นมากน้อยไม่เท่ากัน โดยคนที่ตั้งครรภ์บางคนอาจไม่มีอาการแพ้ท้องเลยก็ได้
น้ำหนักขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวคนที่ตั้งครรภ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ บางคนอาจมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย เนื่องจากอยากอาหารมากขึ้น
แสบร้อนทรวงอก
อาการคนท้องที่อาจพบได้อีกอาการหนึ่งคืออาการแสบร้อนทรวงอก ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สูงขึ้นทำให้กล้ามเนื้อหูรูดบริเวณหลอดอาหารคลายตัว ส่งผลให้ปิดกั้นอาหารหรือกรดไม่สนิท จึงอาจทำให้กรดไหลย้อนกลับเข้าไปในหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก
2. ไตรมาส 2 ของการตั้งครรภ์ (เดือนที่ 4–6)
เมื่อเริ่มเข้าสู่ไตรมาสที่สอง ทารกในครรภ์จะเริ่มเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว สามารถอัลตราซาวด์เพื่อดูพัฒนาการและเพศของทารกได้ อาการคนท้องต่าง ๆ ที่เป็นมากในไตรมาสแรกจะค่อย ๆ ลดลง คุณแม่จะรู้สึกสบายตัวมากขึ้น มีเรี่ยวแรงและพลังงานมากขึ้น แต่ยังอาจพบอาการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอื่น ๆ ได้
ปวดหลัง
น้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงแรกจะเริ่มส่งผลต่อร่างกาย โดยจะไปเพิ่มแรงกดลงบนหลัง ทำให้เกิดอาการปวดหรือเจ็บหลังมากขึ้น คุณแม่ควรระมัดระวังในการเคลื่อนไหวหรือยกสิ่งของหนักที่จะยิ่งเพิ่มอาการปวดหลังมากขึ้น
หน้าอกขยายใหญ่ขึ้น
หลังจาก 3 เดือนแรกที่คุณแม่อาจมีอาการคัดตึงเต้านม เต้านมจะเริ่มมีการขยายใหญ่มากขึ้น ซึ่งเป็นอาการคนท้องที่บ่งบอกว่าร่างกายเตรียมพร้อมรองรับการให้นมแก่ทารก คุณแม่จึงควรสวมชุดชั้นในที่มีขนาดเหมาะสมกับสัดส่วนของตนเอง
เลือดออกตามไรฟัน
อาการเลือดออกตามไรฟันเป็นอาการคนท้องที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของร่างกายจะทำให้มีเลือดมาเลี้ยงบริเวณเหงือกมากกว่าปกติ จึงทำให้เหงือกบวมและมีเลือดออกได้
เลือดกำเดาไหล
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์อาจส่งผลต่อเยื่อบุโพรงจมูกบวมมากขึ้น เพราะมีการขยายตัวของหลอดเลือดและเส้นเลือดมาเลี้ยงเพิ่มขึ้น การกระทบกระเทือนเล็กน้อยอย่างการจามอาจทำให้เกิดอาการเลือดกำเดาไหลได้ง่ายขึ้นกว่าปกติ
ผิวหนังเกิดการเปลี่ยนแปลง
อาการคนท้องที่อาจเกิดขึ้นคือผิวหนังตามร่างกายเกิดการขยายตัว โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง ลานนม แขนขา จนอาจทำให้เกิดผิวลายได้ รวมไปถึงมีการผลิตเม็ดสีที่มากขึ้น ทำให้ส่วนต่าง ๆ เกิดสีผิวเข้มขึ้นได้ เช่น ใบหน้าเกิดฝ้า หน้าท้องมีเส้นคล้ำ ลานนมและหัวนมมีสีคล้ำขึ้น
นอกจากนี้ บางคนอาจมีผิวสว่างและมีความมันมากกว่าปกติ (Pregnancy Glow) ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์
ลูกดิ้น
อาการคนท้องที่อาจพบในช่วงประมาณสัปดาห์ที่ 16–18 คือทารกในครรภ์เริ่มมีเคลื่อนไหว จึงรู้สึกถึงการกระตุกหรือเกร็งเล็กน้อยบริเวณท้องเมื่อลูกดิ้น
3. ไตรมาส 3 ของการตั้งครรภ์ (เดือนที่ 7–9)
ในช่วงไตรมาสที่ 3 จะเริ่มจากสัปดาห์ที่ 28 เป็นต้นไปจนถึงช่วงที่ทารกคลอด คุณแม่จำเป็นต้องมีการพบแพทย์ที่ฝากครรภ์บ่อยขึ้น เป็นช่วงใกล้คลอดที่สำคัญ และยังอาจพบอาการคนท้องอื่น ๆ ในช่วงนี้ได้เช่นกัน
อาการเจ็บท้องหลอก
อาการเจ็บท้องหลอก (Braxton-Hicks Contraction) เป็นอาการเจ็บท้องจากการหดรัดตัวของมดลูกสำหรับคนตั้งครรภ์เพื่อเตรียมตัวสำหรับการคลอด ซึ่งเป็นอาการคนท้องที่อาจทำให้เกิดความสับสน เพราะให้ความรู้สึกคล้ายกับการเจ็บครรภ์จะคลอดจริง ๆ แต่จะรู้สึกเจ็บน้อยกว่า และอาการไม่รุนแรงต่อเนื่อง
หายใจไม่อิ่ม
เมื่อมดลูกเกิดการขยายตัว ดันอวัยวะด้านบนให้ขยับขึ้นไป ทำให้ปอดเหลือที่น้อยลง และไม่สามารถขยายตัวได้เต็มที่ ทำให้คนที่ตั้งครรภ์เกิดการหายใจได้ลำบาก หายใจถี่ขึ้น และหายใจไม่อิ่ม
ตัวบวม
ตัวบวมเป็นอาการคนท้องที่เกิดจากการมีปริมาณน้ำสะสมตามเนื้อเยื่อในร่างกายมากกว่าปกติ
ริดสีดวงทวาร
ในขณะตั้งครรภ์เส้นเลือดจะมีการขยายตัวเพื่อนำเลือดไปเลี้ยงทารกได้มากขึ้น และน้ำหนักตัวคุณแม่ที่เพิ่มแรงดันในร่างกายมากขึ้น จึงทำให้เส้นบริเวณทวารหนักเกิดการขยายและบวมจนกลายเป็นริดสีดวงทวาร
บางครั้งอาการคนท้องข้างต้นอาจไม่ได้เกิดจากการตั้งครรภ์ เช่น ผู้ที่มีรอบเดือนมาไม่สม่ำเสมออาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสัญญาณแรกของการตั้งครรภ์ได้ หรือบางอาการเช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว อาจเป็นสัญญาณของโรคอื่น ๆ จึงควรสังเกตรอบเดือนของตนเองและการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอยู่เสมอ
หากประจำเดือนขาดและพบอาการคนท้องเหล่านี้ ควรใช้ชุดตรวจการตั้งครรภ์เพื่อทดสอบการตั้งครรภ์เพื่อเป็นการตรวจด้วยตนเองก่อนไปพบแพทย์ เมื่อทดสอบแล้วผลออกมาเป็นบวกอาจเป็นสัญญาณว่าน่าจะมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น จึงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้มั่นใจอีกครั้ง และฝากครรภ์แต่เนิ่น ๆ