หลายคนอาจสงสัยว่าอาการคนท้องไม่รู้ตัว (Cryptic Pregnancy) เกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ แล้วผู้หญิงที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้จะไม่สังเกตเห็นความผิดปกติหรือการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเองเลยหรือ บทความนี้จะมาช่วยคลายความสงสัยในเรื่องนี้กัน
แม้จะดูเป็นไปไม่ได้ แต่อาการคนท้องไม่รู้ตัวก็เกิดขึ้นได้จริง ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ไม่พบหรือสังเกตเห็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ ใช้ชุดตรวจครรภ์แล้วผลเป็นลบ (Negative) ไม่เชื่อว่าตนเองตั้งครรภ์ อยู่ระหว่างใช้ยาคุมกำเนิด ไม่เคยตั้งครรภ์มาก่อน หรือเพิ่งคลอดลูกและอยู่ระหว่างการให้นม ไปจนถึงเข้าใจผิดว่าอาการที่แสดงออกมาเป็นผลมาจากปัญหาสุขภาพต่าง ๆ
กว่าจะรู้ตัวหรือยอมรับว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์อยู่ก็อาจล่วงเลยสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ หรือบางกรณีอาจรู้ตอนจะคลอดเลย ซึ่งอาจทำให้คนที่ท้องโดยไม่รู้ตัวและทารกในครรภ์ไม่ได้รับการดูแลทางด้านสุขภาพหรือเตรียมความพร้อมจากแพทย์เท่าที่ควร จึงเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพกายและจิตใจในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดได้
สัญญาณอาการคนท้องไม่รู้ตัวมีอะไรบ้าง
อันที่จริงอาการคนท้องไม่รู้ตัวนั้นจะมีอาการเดียวเช่นเดียวกันกับอาการคนท้องทั่วไป โดยคนท้องแต่ละคนก็อาจมีอาการที่ต่างหรือเหมือนกันก็ได้ เพียงแต่ผู้ที่ท้องไม่รู้ตัวนั้นไม่ทราบว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ โดยตัวอย่างอาการดังต่อไปนี้คือสัญญาณที่ช่วยให้สังเกตเห็นว่าตนเองมีอาการคนท้องไม่รู้ตัวอยู่หรือไม่
ประจำเดือนไม่มา
ประจำเดือนไม่มาถือเป็นอาการหลักที่ทำให้ผู้หญิงคาดเดาได้ว่าตัวเองอาจจะกำลังตั้งครรภ์ แต่อาการนี้ก็อาจเป็นผลมาจากสาเหตุอื่นได้ด้วย เช่น ความเครียด การใช้ยาบางชนิด วัยใกล้หมดประจำเดือน (Perimenopause) เพิ่งคลอดลูกและอยู่ในช่วงให้นมลูก หรือกลุ่มอาการถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ (PCOS)
ซึ่งสำหรับคนที่มีประจำเดือนมาไม่ปกติ มาไม่สม่ำเสมออยู่ก่อน หรือเพิ่งจะคลอดลูกไปไม่นานและกำลังอยู่ในช่วงให้นมลูก อาจจะไม่นึกถึงการตั้งครรภ์หรือมีความคิดที่จะตรวจการตั้งครรภ์เลย ทำให้ไม่ทราบว่าตนเองว่ากำลังตั้งครรภ์
เลือดล้างหน้าเด็ก
เลือดล้างหน้าเด็กคือการมีเลือดออกทางช่องคลอดอย่างกระปริบกระปรอยในประมาณสัปดาห์ที่ 2 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ไข่และอสุจิที่ผ่านการปฏิสนธิแล้วจะฝังตัวเข้าไปในผนังมดลูกจนมีเลือดไหลออกมา ซึ่งเลือดล้างหน้าเด็กนี้อาจทำให้บางคนเข้าใจผิดว่าเป็นเลือดประจำเดือนที่มาน้อยกว่าปกติ จนทำให้นึกไม่ถึงว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์
อาการคนท้อง
การตั้งครรภ์นั้นก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของคุณแม่ได้ไม่น้อย โดยวิธีสังเกตว่าท้องหรือไม่ อาจสังเกตได้จากอาการต่าง ๆ เช่น แพ้ท้อง เจ็บเต้านม อ่อนเพลีย ง่วงนอน เป็นตะคริว ปวดหลัง ปัสสาวะบ่อย อารมณ์แปรปรวน หรือท้องผูก
แต่คนท้องที่มีอาการเหล่านี้บางคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นอาการที่มีสาเหตุมาจากการเจ็บป่วยอื่น ๆ จึงไม่คิดว่าเกิดจากการตั้งครรภ์ นอกจากนั้น คนท้องบางคนก็อาจจะไม่มีอาการคนท้องปรากฏขึ้นมาเลย จึงไม่ได้สงสัยว่าตนเองอาจตั้งครรภ์
หน้าท้องขยายใหญ่ขึ้นหรือน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
การเติบโตของทารกในครรภ์ส่งผลให้หน้าท้องขยายใหญ่ขึ้นและมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจนอาจมองเห็นได้อย่างเด่นชัด โดยเฉพาะเมื่อมีอายุครรภ์มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่สำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวมากหรือมีรูปร่างอ้วนอยู่แล้ว แม้ท้องจะขยายใหญ่มากขึ้นเพื่อรองรับทารกในครรภ์ก็อาจไม่ทันสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงนี้มากนัก หรืออาจเข้าใจผิดว่าท้องอืด
ทารกในครรภ์เคลื่อนไหวหรือลูกดิ้น
คนท้องหลายคนมักรู้สึกถึงการขยับเขยื้อนของทารกในครรภ์หรือลูกดิ้นเมื่อมีอายุครรภ์ประมาณ 5 เดือนหรือ 20 สัปดาห์ แต่ในกรณีที่ตำแหน่งของรกอยู่ด้านหน้าของมดลูกใกล้กับหน้าท้อง อาจทำให้คนท้องไม่ค่อยรู้สึกถึงการขยับตัวของทารกจนไม่รู้ว่ามีทารกอยู่ในท้อง
ผลทดสอบการตั้งครรภ์เป็นลบลวง (False Negative)
เมื่อต้องการทราบว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ หลายคนอาจเลือกตรวจเบื้องต้นด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ โดยหากผลลัพธ์นั้นขึ้น 1 ขีดหรือเป็นลบก็จะหมายถึงไม่ตั้งครรภ์ แต่หากขึ้น 2 ขีดหรือเป็นบวกจะหมายถึงตั้งครรภ์
อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ก็อาจคลาดเคลื่อนได้ โดยอาจออกมาเป็นผลลบลวง ซึ่งคือการที่ผลออกมาเป็น 1 ขีด แต่อันที่จริงแล้วกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งผลลบลวงนี้อาจมีสาเหตุมาจากการใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้คุณภาพ ช่วงเวลาที่ตรวจเร็วเกินไป หรือดูผลการตรวจเร็วเกินไป
แม้อาการคนท้องไม่รู้ตัวจะพบได้น้อย แต่หากทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองแล้วและยังไม่แน่ใจผล ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการตรวจเพิ่มเติม โดยเฉพาะหลังการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันหรือพบอาการผิดปกติที่สงสัยว่าเกิดจากการตั้งครรภ์ เพราะจะช่วยให้คนท้องและทารกในครรภ์เข้าถึงการดูแลจากแพทย์ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น