หากมีอาการคัน เกิดผื่นแดง หรือระคายเคืองผิวหนังหลังจากการซักผ้าอย่าละเลย เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณของอาการแพ้ผงซักฟอก ซึ่งหากปล่อยเอาไว้อาจนำไปสู่อาการทางผิวหนังที่รุนแรงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม อาการแพ้ผงซักฟอกสามารถรักษาและป้องกันได้ หากคุณรู้วิธีเหล่านี้ คุณก็จะสามารถรับมือได้อย่างเหมาะสม
อาการแพ้ผงซักฟอกมักมีสาเหตุมาจากการแพ้สารบางชนิดที่เป็นส่วนประกอบในผงซักฟอก เช่น สารกันบูด น้ำหอม หรือพาราเบน โดยอาการแพ้ในบางรายอาจเกิดขึ้นหลังจากการสัมผัสกับผงซักฟอกโดยตรงเพียงไม่นาน หรือในบางรายอาจเกิดขึ้นหลังจากการสวมใส่เสื้อผ้าที่ซักแล้วก็เป็นไปได้เช่นกัน
สัญญาณหรืออาการแพ้ผงซักฟอกที่ควรสังเกต
โดยส่วนใหญ่ อาการแพ้ผงซักฟอกจะเกิดขึ้นภายใน 24–48 ชั่วโมงหลังการสัมผัสกับผงซักฟอก น้ำยาที่ใช้ในการซักผ้า หรือเสื้อผ้าที่ผ่านการซักด้วยสารเคมีเหล่านั้น หรืออาจเกิดขึ้นช้าสุด 1 สัปดาห์หลังจากนั้น ซึ่งมักปรากฏอาการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- เกิดผื่นแดงขึ้นบริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับสาร
- ผิวหนังระคายเคือง มีอาการคันอย่างรุนแรง
- ผิวหนังบวมนูน แสบร้อน เมื่อกดแล้วรู้สึกเจ็บ
- ผิวหนังแห้งแตก ตกสะเก็ด หรือเกิดแผลพุพอง
อย่างไรก็ตาม อาการแพ้ผงซักฟอกมักเกิดขึ้นแค่เฉพาะบริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับสารเคมีเท่านั้น แต่ในบางกรณีก็อาจเกิดขึ้นบริเวณรักแร้หรือขาหนีบที่มักมีเหงื่อออกในขณะใส่เสื้อผ้าได้เช่นกัน
วิธีรับมือเมื่อเกิดอาการแพ้ผงซักฟอก
เมื่อมีอาการแพ้ผงซักฟอกเกิดขึ้น ควรดูแลผิวหนังที่เกิดอาการด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวบริเวณที่เกิดอาการ
ผิวหนังที่เกิดอาการแพ้ผงซักฟอกจะบอบบางมาก จึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้ผิวหนังระคายเคืองมากขึ้น โดยควรทำความสะอาดผิวหนังด้วยน้ำเย็นและสบู่ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม และหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือการเกาบริเวณผิวหนังที่เกิดอาการ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสผงซักฟอกและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่น ๆ ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้ที่รุนแรงกว่าเดิม
2. ประคบผิวหนังที่เกิดอาการ
การประคบเย็นบริเวณผิวหนังที่เกิดอาการอาจสามารถช่วยบรรเทาอาการอักเสบของผิวหนัง และช่วยลดอาการบวมได้ โดยใช้แผ่นประคบเย็นหรือผ้าขนหนูชุบน้ำเย็น จากนั้นนำมาวางบนผิวหนังที่เกิดอาการประมาณ 15–30 นาที สามารถประคบเย็นได้วันละหลายครั้งจนกว่าอาการจะดีขึ้น
3. ทาครีมบำรุงผิวที่มีมอยส์เจอไรเซอร์
การทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) จะช่วยปลอบประโลมผิวที่มีอาการระคายเคืองจากการแพ้ผงซักฟอก และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง เนื่องจากหากผิวหนังแห้งอาจทำให้อาการคันและระคายเคืองต่าง ๆ แย่ลง อย่างไรก็ตาม ควรเลือกครีมบำรุงผิวสูตรสำหรับผิวแพ้ง่ายหรือสูตรที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม
4. ใช้ยาที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป
อาการแพ้ผงซักฟอกที่ไม่รุนแรงสามารถรักษาได้ด้วยยาที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ส่วนใหญ่เป็นครีมหรือขี้ผึ้งสำหรับทาผิวหนัง เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของสารไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) 1% หรือคาลาไมน์โลชั่น (Calamine Lotion) นอกจากนี้ อาจรับประทานยาแก้แพ้เพื่อช่วยบรรเทาอาการคัน เช่น ยาไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine) หรือยาลอราทาดีน (Loratadine)
อย่างไรก็ตาม การใช้ยาควรใช้ตามคำแนะนำบนฉลาก หรือคำแนะนำของเภสัชกรอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพที่ร้ายแรงตามมา
5. ใช้ยาทาสเตียรอยด์ที่จ่ายโดยแพทย์
หากมีอาการแพ้ผงซักฟอกที่รุนแรง อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยยาทาสเตียรอยด์ที่จ่ายโดยแพทย์เท่านั้น เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของยาโคลเบทาซอล (Clobetasol) 0.05% ครีมที่มีส่วนผสมของยาไตรแอมซิโนโลน (Triamcinolone) 1% โดยตัวยาเหล่านี้จะช่วยบรรเทาอาการผื่นคัน แต่ควรใช้ยาตามปริมาณและระยะเวลาที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้ผงซักฟอก
อาการแพ้ผงซักฟอกสามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
- ใช้ผงซักฟอกสูตรอ่อนโยนในการซักเสื้อผ้า โดยมักจะเป็นสูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย หรือสูตรที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม
- ใช้น้ำยาซักผ้าแบบน้ำแทนผงซักฟอก เพราะน้ำยาซักผ้าที่เป็นของเหลวอาจทำให้เกิดการตกค้างน้อยกว่า
- สวมถุงมือในขณะซักผ้า เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหนังสัมผัสกับสารเคมีโดยตรง
- หากสัมผัสกับผงซักฟอกโดยตรง ควรรีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้งทันที
- ควรใช้ผงซักฟอกในปริมาณที่เหมาะสมกับจำนวนผ้า ไม่ใช้ผงซักฟอกมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการตกค้างในเสื้อผ้า
- ล้างผ้าที่ซักด้วยน้ำสะอาดประมาณ 2–3 ครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผงซักฟอกตกค้างในเสื้อผ้า และอาจเกิดการระคายเคืองผิวหนังตามมา
- ล้างทำความสะอาดเครื่องซักผ้าอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้มีผงซักฟอกหรือสารเคมีอื่น ๆ ตกค้างในเครื่องซักผ้า และอาจเกิดการตกค้างใส่เสื้อผ้าตามมา
แม้ว่าอาการแพ้ผงซักฟอกโดยส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและสามารถดูแลรักษาได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ควรสังเกตอาการแพ้ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ หากมีอาการรุนแรงเกิดขึ้น เช่น เกิดผื่นคันรุนแรงลุกลามเป็นวงกว้าง เกิดผื่นขึ้นบริเวณใบหน้า ตา ปาก หรืออวัยวะเพศ มีอาการแผลติดเชื้อ เกิดแผลพุพอง มีหนอง หรืออาการที่เกิดขึ้นไม่หายไปภายใน 3 สัปดาห์ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม