โซดาไฟ สารอันตรายต่อสุขภาพที่ควรระวัง

โซดาไฟ หรือโซเดียมไฮดอกไซด์ (Sodium Hydroxide) เป็นสารเคมีที่มีลักษณะเป็นของแข็งสีขาวในรูปแบบเกล็ด เม็ด แผ่น หรือแท่ง ไม่มีกลิ่น มีฤทธิ์กัดกร่อนมาก เมื่อสัมผัสกับผิวหนังอาจทำให้เกิดการไหม้อย่างรุนแรง โดยโซดาไฟสามารถดูดซับความชื้นจากอากาศได้ดี และเมื่อไปละลายน้ำอาจทำให้เกิดความร้อนได้ 

หลายคนอาจคุ้นเคยว่าสารดังกล่าวถูกนำมาใช้ในการทำความสะอาดท่อระบายน้ำ แต่โซดาไฟยังอาจถูกใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วย เช่น การผลิตสบู่ ผลิตภัณฑ์ขจัดคราบ กระดาษ กระดาษแก้ว เส้นใยเรยอน อลูมิเนียม เคมีภัณฑ์ต่าง ๆ การชุบมันผ้าฝ้าย (Mercerized cotton) การกลั่นปิโตรเลียม อุตสาหกรรมอาหาร 

Sodium Hydroxide

อันตรายจากโซดาไฟที่ควรทราบ

พิษจากโซดาไฟสามารถเข้าสู่ร่างกายได้จากหลายวิธีทั้งการสัมผัสกับผิวหนัง เข้าสู่ดวงตา สูดดมไอระเหยของสาร หรือรับประทานโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนี้

1. ผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ

การสูดดมโซดาไฟในปริมาณน้อย อาจส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณจมูก คอ หรือระบบทางเดินหายใจเกิดการระคายเคือง หากสูดดมโซดาไฟในปริมาณมาก อาจส่งผลกระทบให้เกิดอาการหรือปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมา เช่น 

2. ผลกระทบต่อผิวหนัง

หากสัมผัสโซดาไฟที่เจือจางหรือถูกทำละลายกับน้ำแล้ว อาจสังเกตเห็นอาการต่าง ๆ หลังสัมผัสนานหลายชั่วโมง แต่การสัมผัสโซดาไฟโดยตรง อาจทำให้อาการต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาการดังกล่าว อาจมีดังนี้

  • แสบร้อนที่ผิวหนัง
  • ผิวหนังระคายเคือง
  • ลมพิษ 
  • ผิวหนังไหม้อย่างรุนแรงจนเกิดเป็นแผลลึก

3. ผลกระทบต่อหู ตา คอ และจมูก

โซดาไฟอาจส่งผลกระทบต่อหู ตา คอ และจมูกในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 

  • ระคายเคืองตา แสบตา 
  • เส้นเลือดในตาเกิดการอุดตัน มีของเหลวภายในลูกตา
  • มีแผลที่กระจกตา หรือกระจกตาถูกทำลาย
  • สูญเสียการมองเห็น
  • เจ็บคออย่างรุนแรง
  • แสบร้อนในจมูก หู ริมฝีปาก หรือลิ้น

4. ผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร

การเผลอรับประทานโซดาไฟเข้าสู่ร่างกาย อาจส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร ดังนี้

  • อาเจียน โดยอาจมีเลือดปนออกมาได้
  • กลืนลำบากและมีน้ำลายไหล
  • ปาก คอ หลอดอาหาร และกระเพาะอาหารถูกกัดกร่อนอย่างรุนแรง และอาจทำให้รู้สึกเจ็บได้
  • เจ็บหน้าอก และปวดท้องอย่างรุนแรง
  • แสบร้อนในลำไส้และกระเพาะอาหาร
  • ท้องเสีย ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด

ทั้งนี้ การได้รับโซดาไฟเข้าไปในร่างกายในระยะยาวอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในเด็ก อีกทั้งผู้ที่สูดดมฝุ่นควันจากสารนี้อาจทำให้เกิดแผลภายในจมูก หากสัมผัสผ่านผิวหนังก็อาจป่วยเป็นโรคผิวหนัง และเมื่อรับประทานเข้าไปเป็นประจำก็อาจทำให้ทางเดินอาหารทะลุหรือตีบตัน ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ และพัฒนาการของร่างกาย รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งอีกด้วย 

วิธีรับมือเมื่อร่างกายได้รับโซดาไฟอย่างเหมาะสม

หากได้รับโซดาไฟเข้าสู่ร่างกายหรือสัมผัสกับสารดังกล่าว ควรรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ทันที แต่ในเบื้องต้น ผู้ป่วยหรือบุคคลรอบข้างอาจปฐมพยาบาลก่อนไปพบแพทย์ โดยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • ห้ามทำให้ผู้ป่วยอาเจียน นอกเสียจากจะเป็นคำสั่งจากแพทย์โดยตรง
  • หากสัมผัสกับโซดาไฟที่ผิวหนังหรือเข้าสู่ดวงตาควรเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือรีบขจัดสารเคมีออกจากเสื้อผ้า ผิวหนัง และเส้นผมของผู้ป่วย จากนั้นให้ล้างบริเวณดังกล่าวด้วยน้ำสะอาดในปริมาณมากเป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที
  • หากรับประทานโซดาไฟเข้าไป ควรให้ผู้ป่วยดื่มน้ำสะอาดหรือนมทันที แต่ในกรณีที่มีอาการบางอย่างซึ่งอาจทำให้กลืนลำบากอย่างอาเจียนหรือชัก ห้ามผู้ป่วยดื่มน้ำหรือนมโดยเด็ดขาด
  • ผู้ป่วยที่สูดดมฝุ่นควันจากโซดาไฟควรออกไปยังที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ทันที

ทั้งนี้ เนื่องจากโซดาไฟเป็นสารเคมีที่อันตรายและยังส่งผลเสียต่อสุขภาพหากรับสารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกาย ทุกคนจึงควรระมัดระวังในการใช้งานสารนี้มากเป็นพิเศษและยังควรเก็บไว้ในที่มิดชิด ห่างจากมือบุตรหลานหรือสัตว์เลี้ยง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อตนเองและคนรอบข้างมากที่สุด