ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B สังเกตอาการและวิธีดูแลรักษา

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B (Influenza B) เป็นสายพันธุ์ย่อยของโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B มักมีอาการไม่รุนแรงมาก เช่น ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว แต่บางครั้งอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

ไข้หวัดใหญ่ (Influenza/Flu) เป็นโรคที่แพร่ระบาดได้ง่ายตามฤดูกาล พบบ่อยในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว และพบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไข้หวัดใหญ่ที่ติดต่อสู่คนแบ่งเป็น 3 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์ A, B และ C ซึ่งสายพันธุ์ที่ระบาดทั่วไปคือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์สายพันธุ์ A และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B โดยทั่วไป อาการมักดีขึ้นด้วยการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม

Influenza B

อาการของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B อาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น

  • ไอ เจ็บคอ
  • อ่อนเพลีย
  • คัดจมูก น้ำมูกไหล
  • ปวดกล้ามเนื้อ เวียนหัว ปวดหัว
  • หนาวสั่น บางคนอาจมีไข้ โดยอาจเป็นไข้นานได้ถึง 4 วัน และไข้อาจสูงถึง 41 องศาเซลเซียส
  • เบื่ออาหาร
  • อาเจียน ท้องเสีย ซึ่งพบบ่อยในเด็ก 

อาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B และสายพันธุ์ A ใกล้เคียงกันมาก แต่โดยทั่วไป ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A มักทำให้เกิดอาการที่รุนแรงมากกว่า อย่างไรก็ตาม ทั้งไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A อาจทำให้คนบางกลุ่ม อย่างผู้มีภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เสี่ยงต่อการการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม ได้มากกว่าคนทั่วไป

การดูแลรักษาเมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B

ในเบื้องต้น สามารถดูแลตัวเองเมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ Bได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยกำจัดเชื้อไวรัสก่อโรคออกจากร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ไอ และลดน้ำมูก โดยอาจดื่มน้ำเปล่า ชาสมุนไพรที่ช่วยให้ชุ่มคอ หรือซุปอุ่น ๆ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ งดออกกำลังกายหรือออกแรงมากในช่วงที่เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B เพราะจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากขึ้น และฟื้นตัวจากอาการป่วยได้ช้า
  • อาบน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงการอาบน้ำเย็น เพื่อลดอาการหนาวสั่นและมีไข้
  • รับประทานยาแก้ปวดและลดไข้ เช่น พาราเซตามอล และไอบูโพรเฟน
  • ใช้ยาอื่นบรรเทาตามอาการ เช่น ยาอมหรือสเปรย์แก้เจ็บคอ
  • รับประทานวิตามินซี เช่น ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง หรืออาหารเสริมวิตามินซี เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง

โดยปกติแล้ว อาการของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B มักดีขึ้นเอง หรือค่อย ๆ ทุเลาลงหลังจากดูแลตัวเองที่บ้านภายในไม่กี่วัน หรือไม่เกิน 2 สัปดาห์ หากมีอาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B นานกว่านั้นแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือหายแล้วกลับมาเป็นอีก ควรไปพบแพทย์ กรณีที่มีอาการรุนแรงหรือเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน แพทย์อาจจ่ายยาอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ยาต้านไวรัส 

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ป้องกันได้ด้วยการล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้แอลกอฮอล์ล้างมือทดแทนในกรณีที่ไม่สามารถล้างมือด้วยสบู่และน้ำได้ สวมหน้ากากอนามัย ใช้กระดาษทิชชู่ปิดจมูกและปากเมื่อไอ จาม และสั่งน้ำมูก จากนั้นนำไปทิ้งถังขยะให้เรียบร้อย และไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B