ด้วยกลิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ทุเรียนจึงเป็นผลไม้ในดวงใจของใครหลายคน ทว่าหากลิ้มรสความอร่อยตามใจปากจนเกินพอดี โดยไม่คำนึงเลยว่าทุเรียนไม่ควรกินกับอะไร ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ไม่น้อย
แม้ทุเรียนจะน่าอร่อยแค่ไหน แต่การกินในปริมาณมากก็ไม่ใช่เรื่องดี และการกินทุเรียนพร้อมกับอาหารหรือเครื่องดื่มบางประเภท ก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพได้
ทุเรียนไม่ควรกินกับอะไร
มีความเชื่อที่บอกต่อกันว่าทุเรียนห้ามกินกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ แล้วความเชื่อเหล่านั้นจะจริงเท็จแค่ไหน บทความนี้มีคำตอบมาฝากกัน
1. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท เป็นสิ่งที่ไม่ควรกินกับทุเรียน ไม่ว่าจะเป็นเหล้า เหล้าขาว เบียร์ ไวน์ โซจู สาเก หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดใด ๆ
ปกติร่างกายของเราจะมีกระบวนการกำจัดแอลกอฮอล์อยู่แล้ว แต่สารประกอบซัลเฟอร์ที่มีอยู่มากในทุเรียนมีส่วนเข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่มีบทบาทในการกำจัดแอลกอฮอล์ ส่งผลให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายลดลงช้ากว่าปกติ จึงอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หน้าแดง ปวดศีรษะ ใจสั่น
ยิ่งไปกว่านั้น หากกินทุเรียนร่วมกับดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากจะให้พลังงานสูงเช่นเดียวกันแล้ว ยังอาจดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็วด้วย ซึ่งจะส่งผลให้เราได้รับพลังงานมากเกินไป และทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ตัวอาจจะร้อนกว่าปกติ และเสี่ยงต่อการขาดน้ำเนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นทำให้ปัสสาวะบ่อยอีกด้วย
ในกรณีที่ร่างกายเสียน้ำมากจนปริมาณเกลือแร่ในร่างกายไม่สมดุลและสมองทำงานผิดปกติ อาจทำให้เกิดอาการตัวสั่น มีเหงื่อออกมาก ง่วงซึม คลื่นไส้ อาเจียน สับสน พูดไม่รู้เรื่อง หัวใจเต้นเร็วมาก ชัก หมดสติ และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ในกรณีที่ขาดน้ำมากและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
2. เครื่องดื่มคาเฟอีน
นอกเหนือจากแอลกอฮอล์แล้ว การกินทุเรียนคู่กับเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างกาแฟอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะหรือเวียนศีรษะได้ แต่ประเด็นนี้ยังมีการศึกษาไม่มากนักในปัจจุบัน จึงยังเป็นความเชื่อที่คลุมเครือ ผู้ที่ต้องการกินทุเรียนพร้อมเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนจึงควรกินแต่พอดีเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
3. อาหารที่มีน้ำตาลสูง
เนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลสูงเป็นทุนเดิม หากเรากินพร้อมกับอาหารคาวหวานที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว เฟรนช์ฟรายส์ ซีเรียล ลูกอม น้ำอัดลม น้ำผึ้ง ผลไม้ที่มีน้ำตาลมาก อาจส่งผลให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป
หากเรากินน้ำตาลมากเกินไปในระยะยาวอาจเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพมากมาย เช่น สิว ฟันผุ โรคอ้วน ภาวะดื้ออินซูลิน ระดับน้ำตาลในเลือดสูง จนอาจนำไปสู่โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ รวมทั้งโรคไขมันพอกตับ
ข้อควรระวังก่อนกินทุเรียน
ทุเรียนอุดมไปด้วยสารอาหาร เช่น ใยอาหาร โพแทสเซียม แคลเซียม วิตามินซี แต่ในขณะเดียวกันก็ให้พลังงานอย่างคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล และไขมันค่อนข้างสูง ทุเรียนปริมาณ 100 กรัม หรือประมาณ 2 เม็ดเล็ก จะให้พลังงานประมาณ 140–180 แคลอรี่ โดยมีคาร์โบไฮเดรตถึง 30 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่พอ ๆ กับข้าวสวย 2 ทัพพี และยังมีน้ำตาลถึง 15 กรัม ซึ่งเทียบได้กับน้ำตาลเกือบ 4 ช้อนชาเลยทีเดียว
และหากเป็นทุเรียนแปรรูป เช่น ทุเรียนทอด ทุเรียนกวน และข้าวเหนียวทุเรียน ก็จะให้พลังงานที่สูงมากขึ้นไปอีก เราจึงควรกินทุเรียนในปริมาณที่เหมาะสม นั่นคือประมาณวันละไม่เกิน 1 พู หรือ 2 เม็ดขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง หรือประมาณ 80–100 กรัม และไม่ควรกินติดต่อกันเป็นประจำทุกวัน
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการอาจต้องหลีกเลี่ยงหรือจำกัดปริมาณการกินทุเรียนเป็นพิเศษ เช่น
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด และผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากทุเรียนอาจส่งผลให้ระดับความดันโลหิต น้ำตาล และไขมันในเลือดสูงขึ้นได้
- ผู้ป่วยโพแทสเซียมในเลือดสูง ผู้ป่วยโรคหัวใจที่ต้องควบคุมปริมาณโพแทสเซียม และผู้ป่วยโรคไต โดยเฉพาะในระยะสุดท้าย เนื่องจากทุเรียนมีโพแทสเซียมสูง จึงอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยกลุ่มนี้
- สตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตรที่มีสุขภาพดี สามารถกินทุเรียนได้ตามปกติ แต่ถ้ามีประวัติป่วยเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes) คนในครอบครัวเคยเป็นโรคเบาหวาน หรือมีน้ำตาลสูงขณะตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ควรหลีกเลี่ยงการกินทุเรียน เพราะอาจส่งผลกระทบต่อคุณแม่และลูกน้อยได้
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพควรขอคำแนะนำจากแพทย์หรือนักโภชนาการเกี่ยวกับปริมาณทุเรียนที่เหมาะสมก่อนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นทุเรียนในรูปแบบผลไม้สดหรือผลิตภัณฑ์แปรรูป เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยต่อร่างกาย ในกรณีที่กินทุเรียนแล้วพบความผิดปกติ ควรหยุดกินแล้วไปพบแพทย์โดยเร็ว
นอกจากผู้มีปัญหาสุขภาพ ข้อมูลว่าทุเรียนไม่ควรกินกับอะไรก็เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาสุขภาพใด ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะแม้ทุเรียนจะมีรสชาติอร่อย แต่หากไม่ควบคุมการกินให้เหมาะสมก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพในภายหลังได้