ประโยชน์ของวิตามินในการบำรุงสุขภาพที่คุณอาจยังไม่รู้

ประโยชน์ของวิตามินมีอยู่หลายประการ เช่น ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบในร่างกาย ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยชะลอวัย และมีประโยชน์ในการป้องกันโรคต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งวิตามินมีประโยชน์และจำเป็นสำหรับคนทุกเพศทุกวัย และวิตามินแต่ละชนิดยังมีประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย

วิตามินถือเป็นสารอาหารรองที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก วิตามินมีความจำเป็นทั้งต่อกระบวนการเจริญเติบโต กระบวนการเผาผลาญ การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงการทำงานของระบบประสาท เราสามารถได้รับวิตามินง่าย ๆ จากอาหารที่เรารับประทาน ดังนั้น การรับประทานอาหารอย่างครบถ้วนและหลากหลายจะช่วยให้เราได้รับวิตามินแต่ละชนิดอย่างเพียงพอ

ประโยชน์ของวิตามิน

ประโยชน์ของวิตามินในการบำรุงร่างกาย

การได้รับวิตามินอย่างครบถ้วนตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ จะช่วยส่งเสริมกลไกการทำงานของร่างกายหลากหลายประการ ดังนี้

1. ช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้ตามปกติ

วิตามินแต่ละชนิดมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายที่แตกต่างกันออกไป หากได้รับวิตามินชนิดต่าง ๆ อย่างครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ ก็จะช่วยให้อวัยวะและระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำหน้าที่ได้ตามปกติและมีประสิทธิภาพ

2. ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกาย

วิตามินมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกาย และช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองให้เจริญเติบโตตามวัย เช่น การคิดวิเคราะห์ การเรียนรู้ และการจดจำ ดังนั้น การได้รับวิตามินอย่างครบถ้วนจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อร่างกายของเราตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงวัยสูงอายุ

3. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง

การได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนรวมถึงวิตามิน จะช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงและสามารถต่อสู่กับเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัสต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ ซึ่งหากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงก็อาจช่วยให้เกิดอาการป่วยน้อยลง มีอาการป่วยที่ไม่รุนแรง หรือหายจากอาการป่วยได้เร็วขึ้นตามไปด้วย

ประโยชน์ของวิตามินต่าง ๆ ที่คุณอาจยังไม่รู้

วิตามินมีหลายชนิด โดยแบ่งออกเป็นวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำ ได้แก่ วิตามินบี และวิตามินซี ส่วนวิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค ซึ่งวิตามินแต่ละชนิดก็จะมีประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพที่แตกต่างกันออกไป ประโยชน์ของวิตามินแต่ละชนิดที่คุณอาจยังไม่รู้ มีดังนี้

ประโยชน์ของวิตามินเอ

วิตามินเอมีส่วนสำคัญในการบำรุงสายตา โดยจะช่วยให้สามารถมองเห็นในที่ที่มีแสงน้อย รวมถึงช่วยลดการเกิดสิว ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ อีกทั้งยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรงหรือโรคเรื้อรังต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็งด้วย

อาหารที่มีวิตามินเอสูงมักจะเป็นผักและผลไม้ที่มีสีเหลืองหรือสีส้ม เช่น ฟักทอง แครอท พริกหวาน มะละกอสุก หรือมะม่วงสุก รวมถึงพบจากสัตว์ เช่น ไข่แดง หรือตับสัตว์ โดยคนทั่วไปในวัยผู้ใหญ่ควรได้รับวิตามินเอวันละประมาณ 700–900 ไมโครกรัม เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

ประโยชน์ของวิตามินบี

วิตามินบีมีหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 9 หรือกรดโฟลิค และวิตามินบี 12 วิตามินบีแต่ละชนิดมีประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพแตกต่างกันออกไป แต่โดยส่วนใหญ่จะมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเจริญเติบโตของร่างกายด้วย โดยการสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย อีกทั้งยัง

วิตามินบีสามารถพบได้ในอาหารหลากหลายชนิด โดยมักพบในโปรตีนจากสัตว์อย่างเนื้อสัตว์หรือไข่ ผักใบเขียว และธัญพืช ซึ่งปริมาณของวิตามินบีแต่ละชนิดที่ร่างกายต้องการจะแตกต่างกันออกไป เช่น คนทั่วไปในวัยผู้ใหญ่ควรได้รับวิตามินบี 9 หรือกรดโฟลิควันละประมาณ 400 ไมโครกรัม ส่วนผู้ที่ตั้งครรภ์ควรได้รับวิตามินบี 9 หรือกรดโฟลิควันละประมาณ 600 ไมโครกรัม

ประโยชน์ของวิตามินซี

วิตามินซีมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงหรือช่วยลดอาการรุนแรงของโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ ได้ เช่น โรคไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ได้ อีกทั้ง วิตามินซียังมีประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณ ช่วยสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิวหนัง และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยปกป้องผิวหนังจากรังสี UV ได้ด้วย

วิตามินซีสามารถพบได้ในผักและผลไม้หลากหลายชนิด เช่น ส้ม มะเขือเทศ ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี่ กีวี่ พริกหวาน และบร็อคโคลี่ โดยคนทั่วไปในวัยผู้ใหญ่ควรได้รับวิตามินซีวันละประมาณ 75–90 มิลลิกรัม เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

ประโยชน์ของวิตามินดี

วิตามินดีมีหน้าที่หลักในการช่วยดูดซึมแคลเซียม การได้รับวิตามินและแคลเซียมอย่างเพียงพอจึงมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างและบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง และอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ นอกจากนี้ วิตามินดียังมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อด้วย

วิตามินดีเป็นวิตามินที่ร่างกายสามารถผลิตได้เองจากการที่ผิวหนังได้รับแสงแดดอย่างเหมาะสม แต่ก็สามารถพบได้ในอาหารบางชนิด เช่น ไข่แดง ตับ และปลาที่มีไขมันดีอย่างปลาทูน่าหรือปลาแซลมอน โดยคนทั่วไปในวัยผู้ใหญ่ควรได้รับวิตามินดีวันละประมาณ 15 ไมโครกรัม หรือรับแสงแดดอ่อน ๆ วันละประมาณ 5–10 นาที เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอ

ประโยชน์ของวิตามินอี

วิตามินอีมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายไม่ให้อักเสบหรือเสียหายจากปฏิกิริยาของอนุมูลอิสระ จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคอัลไซเมอร์ได้ อีกทั้งวิตามินอียังมีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด จึงช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี และลดความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดได้ด้วย

วิตามินอีสามารถพบได้ในน้ำมันพืชชนิดต่าง ๆ ผักใบเขียวโดยเฉพาะผักโขม ถั่วและธัญพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน และอัลมอนด์ โดยคนทั่วไปในวัยผู้ใหญ่ควรได้รับวิตามินอีวันละประมาณ 15 ไมโครกรัม เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

ประโยชน์ของวิตามินเค

วิตามินเคมีบทบาทสำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือด ช่วยในการสมานแผล จึงอาจช่วยให้บาดแผลหายได้เร็วขึ้น อีกทั้งวิตามินเคยังมีประโยชน์ในการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดกระดูกหักหรือการเกิดโรคกระดูกพรุนด้วย

อาหารที่มีวิตามินเคสูงมักเป็นพวกผักใบเขียว เช่น ผักโขม คะน้า เคล ปวยเล้ง รวมถึงดอกกะหล่ำ บร็อคโคลี่ และน้ำมันถั่วเหลืองด้วย นอกจากนี้ แบคทีเรียในลำไส้ของเรายังสามารถผลิตวิตามินเคได้ด้วย โดยคนทั่วไปในวัยผู้ใหญ่ควรได้รับวิตามินเควันละประมาณ 90–120 ไมโครกรัม เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

วิตามินแต่ละชนิดมีความจำเป็นต่อร่างกายทั้งสิ้น แม้ว่าร่างกายของเราจะต้องการวิตามินแต่ละชนิดในปริมาณน้อย แต่ก็ขาดไม่ได้ ดังนั้น จึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างหลากหลาย เพื่อให้ได้รับประโยชน์ของวิตามินแต่ละชนิดอย่างครบถ้วน และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมา