วิธีกำจัดพยาธิในร่างกายเป็นการรักษาการติดเชื้อพยาธิในร่างกาย ซึ่งควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากวิธีการรักษาโรคพยาธิจะต้องขึ้นอยู่กับชนิดของพยาธิที่ติดเชื้อ และความรุนแรงของอาการ นอกจากนี้ เราควรใช้วิธีกำจัดพยาธิในร่างกายเมื่อมีอาการเท่านั้น ไม่ควรรับประทานยาถ่ายพยาธิบ่อยครั้งเกินไปหรือเมื่อไม่จำเป็น
อาการของผู้ที่ติดเชื้อพยาธิในร่างกายอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับบริเวณของร่างกายที่ติดเชื้อ โดยอาการติดเชื้อพยาธิในร่างกายที่พบได้บ่อย เช่น ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน หิวบ่อย มีไข้ น้ำหนักลด ปวดกล้ามเนื้อ ปวดท้อง คันทวารหนัก เห็นภาพเบลอ ชัก ไอเป็นเลือด เจ็บอก กรณีที่ไม่ได้รับการรักษา อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ขาดสารอาหาร โลหิตจาง และภาวะแคระแกร็นในเด็กได้
วิธีกำจัดพยาธิในร่างกาย
พยาธิมีหลายชนิด พยาธิบางชนิดในบางกรณีอาจหายเองได้ เช่น พยาธิเส้นด้าย โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ติดเชื้อมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงและรักษาความสะอาด แต่บางกรณีอาจก็เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น เชื้อพยาธิขึ้นตาหรือสมอง ผู้ติดเชื้อพยาธิที่มีอาการป่วยจึงควรใช้วิธีกำจัดพยาธิในร่างกายอย่างถูกต้อง เพื่อรักษาให้หายได้เร็วขึ้น และปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อน
โดยวิธีกำจัดพยาธิในร่างกาย ทำได้ดังต่อไปนี้
1. พบแพทย์เพื่อวินิจฉัยชนิดของพยาธิ
เมื่อมีอาการที่อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อพยาธิในร่างกาย การไปพบแพทย์อาจเป็นวิธีที่ดีสุด เนื่องจากการพบแพทย์จะช่วยระบุชนิดของพยาธิได้อย่างถูกต้อง
โดยการวินิจฉัยทำได้ด้วยการตรวจอุจจาระ หรือตรวจเลือด โดยอาจต้องทำมากกว่า 1 ครั้งเพื่อผลตรวจที่ชัดเจนและแม่นยำ
การตรวจพยาธิในร่างกายอาจใช้เวลา 20 นาที–7 วัน จึงจะรู้ผล หากมีพยาธิในร่างกาย แพทย์มักจะให้ยาถ่ายพยาธิแบบรับประทานเพื่อกำจัดพยาธิชนิดนั้น ๆ เช่น ยาอัลเบนดาโซล มีเบนดาโซล และยาพิเพอราซีน
บางกรณี แพทย์อาจสั่งยาหรืออาหารเสริมอื่นเพิ่มเติม เพื่อรักษาอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อพยาธิในร่างกายด้วย เช่น อาหารเสริมธาตุเหล็ก ยาทาแก้คัน
2. รับประทานยาถ่ายพยาธิ
ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคส่วนตัวและประวัติการแพ้ยาของตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงควรอาจอ่านฉลากยาให้ครบถ้วนก่อนเริ่มใช้ยา และจึงรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดจนครบระยะเวลาที่กำหนด เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา
3. ติดตามอาการหลังรับประทานยา
หลังรับประทานยาจนครบ ผู้ป่วยอาจสังเกตอาการของตนเอง หรืออาจต้องเข้ารับการตรวจเพื่อติดตามอาการกับแพทย์ เป็นเวลา 1–3 เดือน เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าได้กำจัดพยาธิออกไปหมดแล้ว บางกรณีอาจต้องรับประทานยาซ้ำอีก หากยังมีอาการที่แสดงให้เห็นว่ายังมีพยาธิหลงเหลืออยู่ ทำเช่นนี้จนกว่าจะกำจัดพยาธิในร่างกายออกไปได้ทั้งหมด
4. รับการผ่าตัด
บางกรณีที่พยาธิแพร่กระจายมาก หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น เชื้อพยาธิขึ้นสมองหรือดวงตา เกิดการอักเสบที่ลำไส้ ตับ ปอด หรือลำไส้อุดตัน แพทย์อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด เช่น กรณีของการติดเชื้อพยาธิปอดหนู พยาธิตัวจี๊ด หรือพยาธิไส้เดือน (Ascariasis)
นอกจากนี้ ยังไม่มีงานวิจัยหรือหลักฐานที่ชัดเจนในการพิสูจน์ว่า สมุนไพร หรืออาหารเสริมบางชนิด สามารถช่วยกำจัดพยาธิในร่างกายได้ ดังนั้น ผู้ติดเชื้ออาจปรึกษาแพทย์ ก่อนที่จะใช้สมุนไพรหรืออาหารเสริมใด ๆ ในการช่วยกำจัดพยาธิในร่างกาย
ผู้ป่วยมักติดเชื้อพยาธิจากสิ่งที่มีเชื้ออยู่แล้ว เช่น น้ำ อาหาร และดิน เราจึงควรป้องกันด้วยการดื่มเฉพาะน้ำสะอาด ล้างมือเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร โดยรับประทานอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด เก็บอาหารให้ปลอดภัยจากแมลงและสัตว์พาหะนำโรค สวมรองเท้าเสมอเมื่อออกจากบ้าน รวมถึงควรมีเพศสัมพันธ์โดยป้องกัน