หัวไชเท้า พืชกินหัวใต้ดินที่นิยมนำมาปรุงอาหารชนิดนี้ไม่เพียงมากด้วยสารอาหาร แต่ยังมีสรรพคุณรักษาโรคตามตำรับยาพื้นบ้าน เชื่อกันว่าหัวไชเท้าช่วยป้องกันหรือรักษาปัญหาสุขภาพบางประการได้ เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง มะเร็ง แผลในกระเพาะอาหาร ริดสีดวง รวมถึงโรคเกี่ยวกับตับทั้งหลาย
หัวไชเท้าประกอบด้วยสารอาหารสำคัญหลายชนิด ได้แก่ วิตามินซี วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 วิตามินเค โพแทสเซียม โฟเลต แมกนีเซียม แคลเซียม สังกะสี ทองแดง ฟอสฟอรัส แมงกานีส และโซเดียม โดยเฉพาะวิตามินซีที่มีมากกว่าสารชนิดอื่น ๆ ซึ่งเป็นวิตามินที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นปัจจัยของการมีสุขภาพผิวหนังและหลอดเลือดที่ดี
นอกจากนี้ หัวไชเท้ายังเป็นตัวเลือกของการรักษาทางธรรมชาติมาอย่างยาวนาน ทว่าในด้านการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์นั้น การศึกษาสรรพคุณของหัวไชเท้ากับคนโดยตรงมีน้อยมาก พบการศึกษาในสัตว์เป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยเหล่านี้นับว่าเป็นแนวทางสำคัญไปสู่การทดลองที่น่าเชื่อถือในลำดับต่อไป
ลดความดันโลหิต เชื่อกันว่าการรับประทานหัวไชเท้าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการรักษาความดันโลหิตสูง แต่ปัจจุบันยังไม่มีการพิสูจน์สรรพคุณด้านนี้ในคน และยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าหัวไชเท้ามีสารหรือกลไกใดที่ส่งผลต่อระดับความดันโลหิตหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีการทดลองในสัตว์ซึ่งอ้างว่าในหัวไชเท้ามีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างซาโปนิน ฟลาโวนอยด์ แทนนิน ฟีนอล และอัลคาลอยด์ที่อาจช่วยให้ระดับความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจของหนูลดต่ำลง ทั้งยังให้ข้อสรุปว่าสารสกัดจากหัวไชเท้านั้นอาจมีสารบางชนิดที่มีสรรพคุณช่วยต่อต้านโรคหลอดเลือดหัวใจและน่าจะส่งผลดีต่อการลดระดับความดันโลหิต
นอกจากนี้ มีการทดลองอีกชิ้นหนึ่งซึ่งทดลองกับหนูและกล่าวในทำนองเดียวกัน โดยให้หนูอายุมากที่มีภาวะความดันโลหิตสูงตามธรรมชาติกินสารสกัดจากใบหัวไชเท้าเป็นเวลา 5 สัปดาห์ พบว่าหนูมีระดับความดันเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 เมื่อเทียบกับหนูกลุ่มที่ไม่ได้กินสารสกัดนี้ โดยสันนิษฐานว่าใบหัวไชเท้าอาจมีสารที่ช่วยลดระดับความดันโลหิตและช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้งนี้ หัวไชเท้าจะให้ผลดีเช่นเดียวกันหรือไม่หากนำมาใช้กับคน คงต้องรอให้มีการศึกษาโดยตรงในภายหน้า ที่สำคัญ หากผู้ป่วยความดันโลหิตสูงต้องการลองรับประทานหัวไชเท้าเพื่อประโยชน์ทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพราะแม้จะไม่พบว่าเป็นอันตรายเมื่อทดลองใช้กับหนู แต่ไม่อาจรับรองได้ว่าปลอดภัยต่อคน อีกทั้งหากมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตจริงอาจส่งผลให้ความดันต่ำเกินไปเมื่อใช้ควบคู่กับยารักษาความดันโลหิต
ดีต่อตับ หลายคนเชื่อว่ากินหัวไชเท้าช่วยเสริมสุขภาพตับ ซึ่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่กล่าวถึงคุณประโยชน์ข้อนี้พอมีอยู่บ้าง ดังตัวอย่างการทดลองหนึ่งที่หยดสารสกัดจากหัวไชเท้าลงบนเซลล์ตับของคน แล้วพบว่ามีฤทธิ์ช่วยปกป้องตับจากสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ตับ อีกทั้งเมื่อนำมาทดสอบกับหนูซึ่งตับได้รับสารพิษอย่างคาร์บอนเตตราคลอไรด์ ผลแสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากหัวไชเท้าช่วยลดความเสียหายของตับที่เกิดจากสารพิษชนิดนี้ได้
ด้านงานวิจัยที่เกี่ยวกับโรคตับชนิดอื่นก็มีปรากฏให้เห็นเช่นกัน การทดลองชิ้นหนึ่งกล่าวว่าหัวไชเท้าอาจเป็นประโยชน์ต่อการรักษาโรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ เนื่องจากเมื่อทดลองให้หนูที่เป็นโรคนี้กินสาร 4-(Methylthio)-3-Butenyl Isothiocyanate ที่สกัดจากหัวไชเท้าเป็นเวลา 9 สัปดาห์ ผลลัพธ์ชี้ว่าสารดังกล่าวช่วยให้ไขมันในตับลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้นักวิจัยคาดว่าการศึกษาเหล่านี้น่าจะเป็นแนวทางที่ดีสำหรับการพิสูจน์คุณประโยชน์ของหัวไชเท้าที่มีต่อตับ ซึ่งหากในอนาคตพบว่ามีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อคนจริง ไม่แน่ว่าพืชชนิดนี้อาจเป็นอีกตัวเลือกในการรักษาและป้องกันโรคเกี่ยวกับตับได้
ต้านมะเร็ง ข้อสันนิษฐานทางวิทยาศาสตร์กล่าวว่าพืชในตระกูลกระหล่ำซึ่งรวมถึงหัวไชเท้านั้นมีสารประกอบบางชนิดที่เมื่อผสมกับน้ำแล้วจะแตกตัวเป็นสารไอโซไทโอไซยาเนต (Isothiocyanate) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกำจัดสารในร่างกายที่เป็นต้นเหตุของการเกิดมะเร็ง ทั้งยังป้องกันการเจริญเติบโตของเนื้องอก ประโยชน์ของหัวไชเท้าในด้านการต้านมะเร็งจึงเริ่มเป็นที่กล่าวถึงมากขึ้น
ผลการศึกษาหนึ่งสนับสนุนสมมติฐานข้อนี้ แต่เป็นเพียงการทดสอบโดยใช้วิธีหยดสารสกัดจากใบที่โผล่พ้นพื้นดินของหัวไชเท้าลงบนเซลล์มะเร็งเต้านมของคนในหลอดทดลอง ผลลัพธ์พบว่าสารดังกล่าวมีฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเซลล์มะเร็ง ทั้งยังส่งผลให้เซลล์เนื้อร้ายตายลงได้ นอกจากนี้ งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการยับยั้งเซลล์มะเร็งของสารสกัดหัวไชเท้าจากส่วนต่าง ๆ ได้แก่ ราก ลำต้น และใบ โดยปรากฏว่าสารสกัดจากรากของหัวไชเท้าช่วยยับยั้งและเปลี่ยนแปลงกระบวนการก่อเซลล์มะเร็งของยีนจนส่งผลให้เซลล์เนื้อร้ายตายลงในที่สุด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการทดลองทั้งหมดนี้ล้วนกระทำในหลอดทดลอง จึงยังไม่น่าเชื่อถือพอที่ทางการแพทย์จะนำหัวไชเท้ามาใช้เพื่อคุณสมบัตินี้อย่างมั่นใจได้
ลดไขมันในเลือด หัวไชเท้าเป็นพืชอีกชนิดที่ใช้สำหรับการรักษาทางเลือกของภาวะไขมันในเลือดสูง มาอย่างยาวนาน จนทางวิทยาศาสตร์เริ่มศึกษาและพิสูจน์กับสัตว์ทดลอง งานวิจัยหนึ่งพบว่าหนูที่กินน้ำหัวไชเท้าดำเป็นเวลา 6 วัน มีนิ่วในถุงน้ำดี ที่เกิดจากคอเลสเตอรอลลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งมีระดับคอเลสเตอรอลและไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ลดลง นอกจากนั้น หัวไชเท้ายังช่วยเพิ่มระดับไขมันชนิดดี ซึ่งแม้ผลการศึกษานี้จะช่วยเพิ่มน้ำหนักของคำกล่าวอ้างที่ว่าหัวไชเท้ามีสรรพคุณลดไขมันในเลือดขึ้นมาได้บ้าง แต่ยังต้องมีการศึกษากับคนต่อไปจึงพอจะยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัยได้อย่างน่าเชื่อถือมากขึ้น
รักษาแผลในกระเพาะอาหาร นับเป็นอีกหนึ่งคุณประโยชน์ยอดนิยมของหัวไชเท้า ทว่าปัจจุบันยังไม่มีการทดลองกับคน จึงไม่อาจระบุได้ว่ามีประสิทธิผลในการรักษาโรคนี้มากน้อยเพียงใด มีเพียงการทดลองในสัตว์ที่กล่าวถึงหัวไชเท้ากับการรักษาโรคกระเพาะอาหารอยู่บ้าง เช่นการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ให้ข้อสรุปว่าหัวไชเท้านั้นมีคุณสมบัติต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหารของหนูที่เป็นโรคนี้ ซึ่งน่าจะเป็นแนวทางสำคัญในการค้นหาคำตอบที่แน่ชัดยิ่งขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม เพื่อบรรเทาและป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงยิ่งขึ้น ผู้ป่วยโรคนี้ควรเข้ารับการรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เป็นหลัก
รักษาริดสีดวงทวาร สูตรรักษาโรคริดสีดวงทวารฉบับแพทย์ทางเลือก มักปรากฏหัวไชเท้าเป็นหนึ่งในส่วนประกอบหลักที่นำมาปรุงเป็นยารับประทาน ซึ่งสูตรเหล่านี้ต้องระมัดระวังในการปรุงตามอย่างเหมาะสมและคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย เพราะยังไม่มีการศึกษาที่พิสูจน์ได้ว่าหัวไชเท้ามีคุณสมบัติรักษาโรคริดสีดวงทวาร รวมทั้งส่วนผสมบางชนิดที่นำมาประกอบกันอาจไม่ปลอดภัยต่อผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางอย่างได้เช่นกัน ทางที่ดีผู้ป่วยควรดูแลตัวเองในเบื้องต้นด้วยการรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ดื่มน้ำให้มาก รวมทั้งอาจแช่น้ำอุ่นหรือรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการปวด แต่หากมีอาการรุนแรงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา
ความปลอดภัยของการใช้หัวไชเท้า
คนส่วนใหญ่รับประทานหัวไชเท้าได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่หากรับประทานในปริมาณมากอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบย่อยอาหารได้ นอกจากนี้ ผู้ที่อยู่ในภาวะต่อไปนี้และต้องการใช้หัวไชเท้าเพื่อการรักษาโรค ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
- หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เนื่องจากในปัจจุบันไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะระบุถึงความปลอดภัยในการใช้ เพื่อความปลอดภัยต่อทารกและตัวคุณแม่เอง จึงควรรับประทานหัวไชเท้าในปริมาณปกติที่ได้จากอาหารเท่านั้น
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ไม่ควรรับประทานหัวไชเท้าในปริมาณมากเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ โดยมีงานวิจัยพบว่าหนูที่กินหัวไชเท้าติดต่อกันเป็นเวลานานมีต่อมไทรอยด์หนักขึ้น ระดับฮอร์โมนไทรอยด์ลดลง และส่งผลให้เกิดภาวะพร่องไทรอยด์ตามมา
- ผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีไม่ควรใช้หัวไชเท้าโดยคาดหวังสรรพคุณทางยา หรือหากต้องการใช้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง