ติดการพนัน (Compulsive Gambling) เป็นอาการที่ส่งผลให้บุคคลนั้นไม่สามารถควบคุมความต้องการในการเล่นการพนันของตนเองได้แม้จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากหรืออาจเกิดผลเสียอย่างร้ายแรงต่อชีวิต ยิ่งหากได้รับการกระตุ้นให้เกิดความอยากเล่นการพนันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทางเดียวที่ผู้ป่วยจะรู้สึกมีอาการดีขึ้นคือการกลับไปเล่นการพนันโดยที่ตนเองอาจไม่รู้ตัว
การพนันสามารถกระตุ้นการทำงานของระบบสมองโดยให้ความรู้สึกพึงพอใจหรือมีความสุขเมื่อได้เล่นการพนัน โดยเป็นการกระตุ้นที่เกิดขึ้นในรูปแบบเดียวกับผู้ที่ติดแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด หากมีการเล่นพนันอย่างต่อเนื่องจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และจำเป็นต้องได้รับการรักษา
ปัญหาการติดการพนันกลายเป็นประเด็นสำคัญทางด้านสาธารณสุขที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวบุคคล ต้นทุนทางสังคม สุขภาพร่างกายที่ไม่ดี อาการป่วยด้วยโรคทางจิตเวชอื่น ๆ และอัตราการฆ่าตัวตายที่เพิ่มสูง บทความนี้จึงอยากนำเสนอวิธีสังเกตอาการติดการพนันในเบื้องต้นและวิธีเลิกการพนัน เพื่อให้รู้เท่าทันอาการ และได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วที่สุดหากบุคคลนั้นมีความเสี่ยงในการติดพนัน
พฤติกรรมแบบไหนเข้าข่ายติดการพนัน
หากตนเองหรือผู้ใกล้ชิดมีพฤติกรรมส่วนใหญ่ตรงกับข้อความด้านล่าง อาจเป็นไปได้ว่ามีความเสี่ยงต่อการติดพนัน
- ใช้เวลาส่วนมากไปกับการคิดเรื่องการพนัน
- นำเงินไปใช้กับการเล่นพนันจำนวนมาก อีกทั้งยังกระทบต่อการเงินของตนเองและครอบครัว
- เคยลองลดหรือหยุดเล่นการพนันไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำได้
- กระสับกระส่ายหรือหงุดหงิดเมื่อต้องลดการเล่นพนัน
- ใช้การพนันเป็นทางออกของปัญหาชีวิตหรือเล่นเพื่อให้กำลังใจตัวเองมากขึ้น
- เล่นการพนันอย่างต่อเนื่องแม้ว่าต้องเสียเงินก้อนใหญ่ และยังพยายามเล่นการพนันไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ได้เงินกลับคืน
- โกหกคนรอบข้างเกี่ยวกับพฤติกรรมการเล่นพนันของตนเอง
- หยิบยืมเงินคนรอบข้างหรือขโมยเงินเพื่อไปใช้ในการเล่นพนัน
- การพนันส่งผลต่อชีวิต การทำงานหรือความสัมพันธ์ให้แย่ลง
แม้ว่าการยอมรับอาการป่วยที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องยากและอาจต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ แต่การติดการพนันสามารถรักษาได้ ซึ่งการตระหนักรู้และยอมรับความผิดปกติที่เกิดขึ้นคือขั้นตอนแรกของการรักษา
เมื่อติดการพนัน รักษาได้อย่างไร
โรคติดการพนันรักษาได้ด้วยวิธีเดียวกับการรักษาอาการเสพติดอื่น ๆ โดยจิตแพทย์อาจเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง หรืออาจใช้หลายวิธีในการรักษาพฤติกรรมติดการพนันผู้ป่วยก็ได้ ดังนี้
การบำบัด
การทำครอบครัวบำบัดหรือการรักษาทางจิตบำบัด (Psychotherapy) อย่างการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy: CBT) โดยมุ่งการรักษาไปยังสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ความเชื่อที่ส่งผลในด้านลบและอารมณ์ฉุนเฉียว ซึ่งจิตแพทย์จะช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงพฤติกรรมที่ต้องการละเลิกและเรียนรู้ทักษะที่ช่วยลดการกระตุ้นความอยากเล่นการพนันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้ยา
แพทย์จะใช้ยาในการรักษาร่วมกับการรักษาทางจิตบำบัด โดยยาที่นำมาใช้ ได้แก่ กลุ่มยาต้านเศร้า (Antidepressants) และยาควบคุมอารมณ์ (Mood Stabilizers) เพื่อช่วยบรรเทาภาวะซึมเศร้า โรคสมาธิสั้นหรือ (ADHD) หรือโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) เนื่องจากภาวะเหล่านี้เป็นความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการติดการพนัน อีกทั้งยาต้านเศร้าบางชนิดก็จะช่วยลดการเล่นพนันไปได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ แพทย์อาจใช้ยาแก้ปวดชนิดเสพติด (Narcotic Antagonists) ซึ่งใช้รักษาอาการเสพติดมาใช้ในการรักษาอาการติดพนัน
การดูแลตนเอง
นอกเหนือจากการรักษาทางการแพทย์ ผู้ป่วยควรตระหนักและควบคุมพฤติกรรมของตนเองร่วมด้วย เช่น นำรายได้ฝากไว้กับครอบครัว คู่รักหรือเพื่อนสนิท หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่กระตุ้นความต้องการเล่นการพนัน ชำระค่าใช้จ่ายที่สำคัญก่อนการนำเงินไปใช้ในการพนัน รับมือกับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนหรือใช้เวลาทำกิจกรรมอื่น ๆ ร่วมกับเพื่อนและครอบครัว ไม่ควรใช้การพนันเป็นช่องทางในการหาเงินหรือพูดคุยกับผู้คนรอบข้างเกี่ยวกับความกังวลที่เกิดขึ้นจากการเล่นพนัน เป็นต้น
แม้ว่าพฤติกรรมติดการพนันเป็นอาการเรื้อรังและป้องกันได้ยาก แต่การรักษาตั้งแต่ระยะแรกจะช่วยป้องกันอาการที่เกิดขึ้นจากการติดการพนันไม่ให้มีความรุนแรงจนยากต่อการรักษา อีกทั้งผู้ป่วยก็อาจกลับมาติดการพนันซ้ำอีกหลังการรักษาเสร็จสิ้นไปแล้ว ผู้ที่มีความเสี่ยงจึงควรหลีกเลี่ยงการเล่นพนันทุกรูปแบบ รวมทั้งสามารถขอแนะนำจากสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน หรือโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิตได้ที่เบอร์ 1323