นอนแล้วปวดหลัง รู้ทันสาเหตุและวิธีรักษาให้หายปวด

นอนแล้วปวดหลังเป็นปัญหาที่หลายคนเจอบ่อย ๆ อาการปวดหลังที่เกิดขึ้นหลังจากการนอนราบมักเกิดจากการตึงตัวของกล้ามเนื้อ หรือเกิดจากการที่เลือดไหลเวียนได้ไม่ดีขณะที่นอนหลับเป็นเวลานาน ซึ่งอาการปวดหลังอาจเกิดในช่วงสั้น ๆ แล้วหายไป หรืออาจมีอาการเรื้อรัง ขึ้นอยู่กับสาเหตุ

สาเหตุของอาการนอนแล้วปวดหลังอาจเกิดจากท่านอนหรือที่นอนที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสามารถรับมือได้ด้วยตัวเอง แต่บางกรณีอาการปวดหลังขณะนอนราบอาจเกิดจากอาการบาดเจ็บ ความเสื่อมหรือผิดปกติของกระดูก หรือโรคอื่น ๆ ได้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษากับแพทย์

Back Pain When Lying Down

5 สาเหตุยอดฮิตของอาการนอนแล้วปวดหลัง

นอนแล้วปวดหลังมักเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้

1. การนอนผิดท่า

ท่านอนที่ไม่เหมาะสมจะทำให้เกิดแรงกดทับที่กระดูกสันหลัง จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการนอนแล้วปวดหลัง ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อนอนคว่ำและนอนหงาย  

การนอนคว่ำจะทำให้ช่วงกลางลำตัว โดยเฉพาะบริเวณท้องส่วนล่างจมลงไปกับที่นอนมากกว่าส่วนอื่น กระดูกสันหลังจะถูกยืดออกในขณะนอนหลับ และมักจะคอหันไปด้านข้างตลอดเวลา ซึ่งไม่ตรงกับแนวกระดูกสันหลัง จึงทำให้เกิดอาการปวดหลังและปวดคอตามมา 

ส่วนท่านอนหงายก็อาจทำให้เกิดอาการปวดหลังได้เช่นกัน แม้จะเป็นท่านอนที่ทำให้ช่วยให้กระดูกสันหลังเรียงตัวได้อย่างเหมาะสม แต่หากมีช่องว่างบริเวณหลังส่วนล่างมากเกินไป จะทำให้เกิดอาการนอนแล้วปวดหลังได้

2. ที่นอนที่ไม่เหมาะสม

อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการนอนแล้วปวดหลังคือการนอนบนที่นอนที่ใช้เป็นเวลานานแล้วเป็นแอ่งตรงกลาง สปริงที่นอนเสื่อมสภาพ รวมถึงการนอนที่นอนที่ไม่รองรับกับสรีระ แข็งหรือนุ่มจนเกินไป ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หลายคนตื่นนอนแล้วมีอาการปวดหลังได้

3. อาการบาดเจ็บที่หลัง

การได้รับบาดเจ็บที่หลังเป็นอาการที่เกิดจากกล้ามเนื้อหรือเอ็นยืดตึงมากเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากการยกของหนัก เคลื่อนไหวผิดท่า การเล่นกีฬาที่ทำให้เกิดการบิดช่วงเอวและหลังส่วนล่างมากเกินไป เช่น เทนนิส กอล์ฟ บาสเกตบอล หากทำกิจกรรมเหล่านี้ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานอาจทำให้ปวดหลังเรื้อรัง และรู้สึกปวดหลังขณะนอนได้

4. หมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม (Degenerative disc)

หมอนรองกระดูกอยู่ระหว่างข้อกระดูกสันหลังแต่ละข้อ ทำหน้าที่รับน้ำหนักและลดแรงกระแทกขณะเคลื่อนไหวร่างกาย หมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมมักพบในผู้สูงอายุ ซึ่งสภาพร่างกายจะเสื่อมไปตามวัย แต่ก็อาจเกิดจากการยกของหนัก การเล่นกีฬา อุบัติเหตุต่าง ๆ รวมถึงผู้มีน้ำหนักตัวมากได้เช่นกัน ทำให้เกิดอาการนอนแล้วปวดหลังได้

5. ไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia)

ไฟโบรมัยอัลเจียเป็นภาวะปวดกล้ามเนื้อทั่วร่างกายอย่างเรื้อรัง จึงทำให้เกิดอาการนอนแล้วปวดหลัง ร่วมกับอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ความจำแย่ลง อารมณ์แปรปรวน โดยยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่คาดว่าอาจเป็นผลจากความผิดปกติของสมอง 

นอกจาก 5 สาเหตุที่พบบ่อยเหล่านี้ นอนแล้วปวดหลังอาจเกิดจากโรคอื่น ๆ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) นิ่วในไต โรคข้ออักเสบ และการตั้งครรภ์

การดูแลรักษาเมื่อเกิดอาการนอนแล้วปวดหลัง

เมื่อเกิดอาการนอนแล้วปวดหลัง สามารถดูแลตัวเองได้ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น

  • เปลี่ยนท่านอน การนอนตะแคงจะช่วยลดความเสี่ยงของการนอนแล้วปวดหลังได้ โดยอาจใช้หมอนรองระหว่างหัวเข่าทั้งสองข้าง หากมีช่องว่างระหว่างหลังและที่นอน ให้ใช้หมอนอีกใบหนุนไว้ เพื่อบบรเทาอาการปวดหลัง
  • เปลี่ยนฟูก โดยเฉพาะฟูกที่ใช้งานมานานกว่า 5 ปี หรือเมื่อฟูกเริ่มเสื่อมสภาพ รวมทั้งเลือกหมอนหนุนศีรษะและฟูกรองรับกับสรีระช่วงคอ บ่า และหลังได้ดี ไม่สูงเกินไป ไม่นุ่มและแข็งเกินไป
  • กายบริหารยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุกเช้าด้วยท่าโยคะที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง และเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ ระหว่างวัน
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกระดูกและกล้ามเนื้อต่าง ๆ ของร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่หลังเพิ่ม
  • ประคบร้อนที่หลัง หรือรับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หากมีอาการปวด

โดยทั่วไป อาการนอนแล้วปวดหลังมักดีขึ้นหลังจากดูแลตัวเอง แต่หากมีอาการปวดหลังเรื้อรัง หรือปวดอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนส่งผลกระทบต่อการนอนหลับและการใช้ชีวิตประจำวัน มีอาการชาหรืออ่อนแรงบริเวณขาร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาต่อไป