หากจะพูดถึงวิตามินดี หลายคนอาจนึกถึงคุณสมบัติในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงเป็นส่วนใหญ่ แต่วิตามินดียังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย บทความนี้จะพาไปรู้จักกับประโยชน์ของวิตามินดีในด้านต่าง ๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
วิตามินดี (Vitamin D) เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ร่างกายสามารถสร้างวิตามินดีได้เองจากการที่ผิวหนังโดนแสงแดด หรือได้จากการรับประทานอาหารบางชนิด เช่น นม ไข่แดง ตับ และปลาที่มีไขมันดีอย่างปลาแซลมอน ปลาทูน่า และปลาแมคเคอเรล รวมถึงได้รับจากการกินวิตามินดีในรูปแบบของอาหารเสริมเพิ่ม
ประโยชน์ของวิตามินดีมีอะไรบ้าง
วิตามินดีมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ ดังนี้
ช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับกระดูก
วิตามินดีช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับกระดูก เช่น โรคกระดูกอ่อนในเด็ก (Rickets) โรคกระดูกน่วม (Osteomalacia) และโรคกระดูกพรุน เนื่องจากวิตามินดีมีหน้าที่ช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส และรักษาระดับของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือดให้เพียงพอ ซึ่งทั้งแคลเซียมและฟอสฟอรัสนั้นเป็นแร่ธาตุที่สำคัญที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงนั่นเอง
ปกป้องสุขภาพช่องปาก
ประโยชน์ของวิตามินดีอีกข้อคือมีส่วนช่วยในการป้องกันหรือลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาในช่องปาก เช่น ฟันผุและโรคเหงือก เนื่องจากวิตามินดีจะช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างกระดูกภายในร่างกายให้แข็งแรงเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างฟันให้แข็งแรงด้วย หากร่างกายขาดวิตามินดีก็อาจทำให้เกิดปัญหาในช่องปากได้ง่ายขึ้น
เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
วิตามินดีอาจช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันได้ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคต่อมไทรอยด์อักเสบ และโรคสะเก็ดเงิน โดยมีงานวิจัยขนาดใหญ่ในผู้สูงอายุที่รับประทานอาหารเสริมวิตามินดี หรืออาหารเสริมวิตามินดีร่วมกับกรดไขมันโอเมก้า 3 พบว่ามีการเกิดโรคเกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานตนเอง (Autoimmune Diseases) น้อยกว่าคนที่ไม่ได้รับประทาน
อาจช่วยรักษาโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis)
การเสริมวิตามินดีอาจเป็นผลดีต่อการรักษาโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โดยหลายงานวิจัยพบว่าระดับวิตามินดีในร่างกายที่ต่ำอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น การทรงตัว การควบคุมกล้ามเนื้อ และการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของวิตามินดีในการรักษาโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งยังไม่แน่ชัด และไม่ทราบปริมาณของวิตามินดีที่ใช้ในการรักษาโรคนี้ได้อย่างปลอดภัย ผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งควรเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการหลักในทางการแพทย์ปัจจุบันก่อน
อาจช่วยเสริมการทำงานของสมองและชลอโรคทางสมอง
การเสริมวิตามินดีอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคทางสมอง เพราะจากการศึกษาหลายชิ้นพบว่าระดับวิตามินดีในเลือดที่ต่ำลงมีความสัมพันธ์กับการทำงานของสมองที่ลดลง และอาจนำไปสู่การเกิดปัญหาเกี่ยวกับสมาธิ พฤติกรรม และความบกพร่องทางสติปัญญา เช่น การเกิดภาวะสมองเสื่อม
นอกจากนี้ งานวิจัยขนาดเล็กอีกชิ้นระบุว่าผู้สูงอายุที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ที่ได้รับวิตามินดีเสริมมีประสิทธิภาพการทำงานของสมองดีกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอก แต่งานวิจัยนี้จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อช่วยยืนยันข้อเท็จจริงนี้
ข้อควรรู้ก่อนเสริมวิตามินดีให้แก่ร่างกาย
การเสริมวิตามินดีในร่างกายสามารถทำได้โดยการรับประทานอาหารที่มีวิตามินดีสูงและรับแสงแดดอ่อน ๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 15 นาที หากต้องการรับวิตามินดีในรูปแบบของอาหารเสริมควรเพิ่มความระมัดระวัง โดยข้อควรระวังบางประการที่ควรทราบก่อนเสริมวิตามินดี ได้แก่
- คนที่มีสุขภาพแข็งแรงและไม่มีภาวะขาดวิตามินดี อาจไม่จำเป็นต้องรับประทานวิตามินดีในรูปแบบอาหารเสริม
- การรับประทานวิตามินดีในรูปแบบของอาหารเสริม ควรเลือกอาหารเสริมที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย
- เด็ก ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานอาหารเสริมวิตามินดี
- หากกำลังรับประทานยาชนิดอื่นอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานวิตามินดี เพราะยาหรืออาหารเสริมบางชนิดอาจเกิดปฏิกิริยากับวิตามินดีจนส่งผลกระทบต่อร่างกายได้
- ไม่ควรได้รับวิตามินดีมากกว่า 4,000 หน่วยสากล/วัน ยกเว้นมีความจำเป็นและอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์ใกล้ชิด เพราะอาจเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปากแห้ง กระหายน้ำ ไม่อยากอาหาร การเต้นของหัวใจผิดปกติ อาจเกิดนิ่วในไต และไตเสียหายได้
- การได้รับวิตามินดีเกินขนาดอาจก่อให้เกิดภาวะเป็นพิษต่อร่างกาย โดยทำให้แคลเซียมในเลือดสูง (Hypercalcemia) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ประโยชน์ของวิตามินดีมีอยู่หลายประการ และเป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ หากไม่มีความจำเป็น ควรรับประทานจากอาหารที่มีวิตามินดีสูงหรือโดนแดดอ่อน ๆ มากกว่าการรับประทานอาหารเสริม เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดีในปริมาณที่มากเกินไปจนเป็นผลเสียต่อสุขภาพได้