หางตาตก รู้จักสาเหตุและวิธีแก้ไข

หางตาตก เป็นอาการที่หางตาหย่อนลงมาต่ำกว่าหัวตา ทำให้รูปทรงของดวงตาเปลี่ยนไปและอาจทำให้ใบหน้าดูเศร้าหมองหรืออาจแก่กว่าวัย มักพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วอาการหางตาตกไม่เป็นอันตรายต่อการมองเห็น แต่อาจทำให้ผู้ที่มีอาการหางตาตกรู้สึกขาดความมั่นใจ

หนังตาเป็นผิวหนังบริเวณที่บอบบางที่สุดในร่างกายเรา ทั้งยังเป็นส่วนที่มีการใช้งานตลอดเวลา เมื่ออายุมากขึ้นผิวหนังบริเวณตาจึงเป็นส่วนแรกที่เริ่มหย่อนคล้อยและมีริ้วรอยจากการสูญเสียอีลาสติน (Elastin) และคอลลาเจน (Collagen) ที่ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ จึงส่งผลให้ผิวหนังบริเวณหางตาตก

Droopy Eyelids

สาเหตุของหางตาตก

แม้ว่าหางตาตกจะไม่ใช่ปัญหาสุขภาพที่น่ากังวล แต่การรู้สาเหตุของหางตาตกก็อาจช่วยให้เข้าใจและรับมือหางตาตกได้ดีขึ้น โดยสาเหตุที่อาจทำให้หางตาตกมีดังนี้

1. อายุที่เพิ่มขึ้น

อายุที่เพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุหลักของหางตาตก เนื่องจากส่งผลให้ร่างกายเสียอีลาสตินและคอลลาเจนที่รักษาผิวหนังให้เต่งตึงไป และยังส่งผลให้ไขมันที่สะสมบริเวณหนังตาบวมขึ้นและหย่อนลงมา ซึ่งไขมันนี้ยังเป็นสาเหตุของการเกิดถุงใต้ตาได้ด้วยเช่นกัน

2. เปลือกตาหย่อน

เปลือกตาหย่อนเป็นภาวะที่หนังตาส่วนเกินหย่อนคล้อยลงมาเหนือลูกตา ใต้ตา หรือบริเวณหางตา ทำให้หางตาตก ตาดูเล็กลงและเปลี่ยนรูปตาเดิมไป เปลือกตาหย่อนอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น อายุ การบาดเจ็บที่ตา พันธุกรรม ความเครียดหรือการสูบบุหรี่ ซึ่งหากเปลือกตาหย่อนมากอาจทำให้บดบังการมองเห็นได้

3. หนังตาตก (Ptosis)

หนังตาตกคือภาวะที่หนังตาตกลงมาจนทำให้ดวงตาดูง่วงซึมและอาจตกลงมาจนปิดบังการมองเห็น สาเหตุหลักมาจากการทำงานของกล้ามเนื้อยกหนังตาผิดปกติซึ่งอาจเป็นแต่เกิด ได้รับบาดเจ็บภายหลัง หรือเสื่อมลงเพราะอายุ โดยผู้ที่มีอาการหนังตาตกก็อาจมีอาการเปลือกตาหย่อนร่วมด้วย  

นอกจากสาเหตุดังกล่าว หางตาตกอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น พันธุกรรม หรือจากแสงแดดที่ทำลายอีลาสตินในผิว ซึ่งอาจทำให้หางตาตกก่อนวัยได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อหางตาตกส่งผลกระทบต่อการมองเห็น ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์เพื่อแยกสาเหตุให้ชัดเจนเพราะมีวิธีรักษาที่แตกต่างกัน

วิธีรับมือหางตาตก

ปกติแล้วอาการหางตาตกที่ไม่รุนแรงและไม่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นนั้นไม่จำเป็นต้องรับการรักษา แต่หากเสียความมั่นใจในรูปลักษณ์ของเอง เพราะหางตาตกอาจทำให้สีหน้าดูคล้ายกำลังเศร้าซึม หรือไม่สดใส สามารถรักษาได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • การฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งมียาที่ช่วยลดรอยย่นบนผิวหนังและยกกระชับหนังตาได้ อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกซ์ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้หนังตาตกด้วยจึงควรศึกษาหรือปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ
  • การผ่าตัดเปลือกตา (Blepharoplasty) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ไขหางตาตก โดยแพทย์จะทำการผ่าบริเวณชั้นตาเพื่อนำผิวหนังส่วนเกินและไขมันที่ทำให้หนังตาหย่อนออก ก่อนจะเย็บปิดให้เรียบร้อย เมื่อผ่าตัดเสร็จแล้วต้องใช้เวลาประมาณสามเดือนแผลจึงจะหาย 

หางตาตกไม่ใช่อาการที่อันตรายและมักมาพร้อมอายุที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับริ้วรอย และบางครั้งพันธุกรรมก็อาจทำให้หางตาตกหรือเปลือกตาหย่อนก่อนวัยได้ แต่เมื่อหางตาตกจนรบกวนสายตาหรือส่งผลต่อความมั่นใจควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์เพื่อรับแนวทางการรักษาที่เหมาะสม