อาการของ ไวรัสตับอักเสบ บี
สัญญาณและอาการของไวรัสตับอักเสบ บี เกิดขึ้นตั้งแต่ความรุนแรงน้อยไปจนถึงความรุนแรงมาก โดยปกติแล้วจะแสดงอาการประมาณ 1-3 เดือน หลังจากที่มีการติดเชื้อ ซึ่งสัญญาณและอาการของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ที่อาจเกิดขึ้น มีดังนี้
- มีอาการปวดช่องท้อง
- ปัสสาวะมีสีเข้มผิดปกติ
- มีไข้
- ปวดตามข้อต่อ
- เบื่ออาหาร ไม่อยากอาหาร
- มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน
- ร่างกายมีความอ่อนแรงและอ่อนล้า
- ตาเหลืองและผิวเหลือง
ในรายที่มีสัญญาณและอาการของการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี อย่างชัดเจนแล้ว ควรรีบไปพบแพทย์ในทันที
อาการไวรัสตับอักเสบ บี ระยะเฉียบพลันและระยะเรื้อรัง
ไวรัสตับอักเสบ บี ระยะเฉียบพลัน (Acute hepatitis B) ตามที่กล่าวในข้าวต้นว่า เป็นการติดเชื้อที่มีระยะเวลาน้อยกว่า 6 เดือน โดยสำหรับผู้ป่วยส่วนใหญ่ อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นในเวลา 2-3 สัปดาห์ และร่างกายจะค่อย ๆ กำจัดไวรัสตับอักเสบ บี ออกไปพร้อม ๆ กับการสร้างภูมิต้านทาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ซ้ำอีก ซึ่งเมื่อร่างกายมีภูมิต้านทานแล้วก็จะไม่กลับมาติดเชื้อได้อีกในอนาคต แต่ก็มีผู้ป่วยประมาณร้อยละ 5-10 ที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อและสร้างภูมิต้านทานได้ และอาจดำเนินไปสู่ระยะเรื้อรังได้
อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่จำนวนครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยทั้งหมดนั้น จะไม่พบว่ามีอาการแสดง หรืออาจมีเพียงแค่อาการคล้ายไข้ต่ำ ๆ โดยเฉพาะในเด็กทารกที่ได้รับเชื้อจากแม่ในขณะคลอดก็จะไม่แสดงอาการในช่วงแรก ๆ เช่นกัน
ไวรัสตับอักเสบ บี ระยะเรื้อรัง (Chronic Hepatitis B) เป็นการติดเชื้อที่มีระยะเวลานานกว่า 6 เดือนขึ้นไป โดยระบบภูมิคุ้มกันร่างกายไม่สามารถจัดการกับเชื้อที่เกิดในระยะเฉียบพลันได้ ซึ่งอาจทำให้เป็นไปตลอดชีวิต
ในระยะเรื้อรังนี้อาจยังไม่พบสัญญาณของอาการหรือปัญหาทางด้านสุขภาพมากนัก ยังอยู่ในภาวะที่อาการสงบ แต่อาจทำให้โรคดำเนินไปสู่การเกิดพังผืดในตับ โรคตับแข็ง และโรคมะเร็งตับ ซึ่งการดำเนินไปของโรคตับต่าง ๆ นี้ จะขึ้นอยู่กับตัวยีนหรือ DNA ของไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ภาวะหรือระดับของไวรัสในร่างกาย
นอกจากนั้น ในผู้ที่อายุยังน้อย โดยเฉพาะในเด็กแรกเกิด หรือเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ยิ่งมีความเสี่ยงมากในการเป็นระยะเรื้อรัง เพราะในบางรายอาจไม่เคยได้รับการตรวจหรือตรวจไม่พบ จนกระทั่งมาตรวจพบเมื่อมีอายุมากขึ้นแล้วก็ได้ ซึ่งกลายเป็นระยะที่มีความรุนแรง