การรักษา ฝี
การรักษาฝีในเบื้องต้น หากฝีมีขนาดเล็กและไม่เจ็บปวดรุนแรง อาการจะดีขึ้นและฝีจะหายไปเอง ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ที่บ้าน คือ
- ใช้ผ้าประคบร้อนในบริเวณที่เกิดฝีประมาณครั้งละ 30 นาที 4 ครั้งต่อวัน เพื่อลดอาการบวมและเร่งให้หายเร็วขึ้น โดยต้องซักล้างทำความสะอาดผ้าหลังใช้เสมอ และไม่ใช้ผ้านั้นร่วมกับผู้อื่นเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
- หลีกเลี่ยงการบีบกดหรือใช้เข็มเจาะฝีด้วยตนเองเพื่อให้ของเหลวไหลออกมา เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียงและอาจสร้างความเสียหายแก่เส้นเลือดบริเวณดังกล่าวได้
แต่หากฝีมีขนาดใหญ่เกินกว่า 1 เซ็นติเมตร หรือครึ่งนิ้ว หรือมีอาการป่วยที่รุนแรง ผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์ โดยแพทย์จะทำการรักษาตามขั้นตอนและลักษณะของฝี ดังนี้
ฝีที่ผิวหนังและฝีที่อวัยวะภายใน
- การให้ยาปฏิชีวนะ แพทย์จะจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อจำกัดเชื้อ และป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปยังเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ โดยผู้ป่วยต้องใช้ยาภายใต้คำสั่งแพทย์เป็นเวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ ซึ่งผู้ป่วยจะได้รับยาเม็ดรับประทาน และยาแบบฉีดในรายที่มีอาการป่วยรุนแรง เช่น มีไข้สูง
- การผ่าตัดนำหนองในฝีออก แพทย์จะพิจารณาให้ยาสลบหรือยาชาเฉพาะที่ โดยพิจารณาจากบริเวณที่เกิดฝี ขนาดและความรุนแรงของฝี ส่วนใหญ่ สำหรับฝีภายนอก แพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่ แต่ฝีที่อวัยวะภายในแพทย์ต้องใช้เป็นยาสลบ หากเป็นฝีที่ผิวหนัง แพทย์จะเช็ดทำความสะอาดบริเวณที่จะผ่าด้วยยาฆ่าเชื้อก่อนฉีดยาชาเฉพาะที่ให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บปวดในขณะผ่าตัด จากนั้นจึงจะลงมือผ่าตัดเปิดผิวหนังหรือเนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นฝี เพื่อนำหนองและเศษสิ่งสกปรกที่ติดเชื้อออกไปจนหมด โดยแพทย์อาจสอดผ้าก๊อซชุบน้ำยาฆ่าเชื้อทิ้งไว้บริเวณที่ว่างหลังนำหนองออกไปจนหมดแล้ว และปล่อยแผลเปิดไว้ 1-2 วัน เพื่อลดภาวะมีเลือดออกจากแผลให้น้อยลง และแพทย์จะปิดแผลไว้ แล้วให้ผู้ป่วยกลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน แพทย์อาจจ่ายยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดหลังผ่าตัดด้วย พร้อมแนะนำขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อฟื้นฟูอาการป่วยต่อไป
ฝีที่อวัยวะภายใน ยังมีวิธีการรักษาเพิ่มเติมได้อีกแบบหนึ่งคือ
- การเจาะนำหนองในฝีออก แพทย์จะใช้เครื่องมือพิเศษที่เป็นท่อเจาะผ่านเข้าไปภายในฝี เพื่อดูดเอาหนองในฝีออกมาจนหมดแล้วจึงนำท่อออกในภายหลัง ซึ่งอาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ และในบางครั้งอาจจำเป็นต้องผ่าตัดอวัยวะนั้นบางส่วนทิ้งด้วย